
“ตรีนุช” น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และกรรมการการเลือกตั้งชุดใหญ่ ได้เปิดเผยถึงแนวคิดของพรรคพลังประชารัฐเกี่ยวกับการนำเข้าแรงงานจากประเทศศรีลังกา เพื่อเข้ามาทดแทนแรงงานจากกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชาได้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำสูงขึ้น ทำให้เกิดการไหลออกของแรงงานกัมพูชาที่เคยทำงานในประเทศไทยจำนวนมาก ทั้งนี้ การพิจารณานำเข้าแรงงานจากศรีลังกาถือเป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนที่พรรคพลังประชารัฐกำลังศึกษาและเตรียมเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคส่วนต่างๆ ของประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม การเกษตร และภาคบริการ หากไม่มีการบริหารจัดการด้านแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยิ่ง
ประเด็นสำคัญจาก: “ตรีนุช” เผยเล็งนำเข้าแรงงาน “ศรีลังกา” ทดแทนแรงงานกัมพูชา
ประเด็นหลักที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ได้เปิดเผยคือแนวคิดในการหาแหล่งแรงงานใหม่เพื่อมาทดแทนแรงงานจากกัมพูชา ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่กัมพูชาได้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้แรงงานกัมพูชาจำนวนมากที่เคยทำงานในประเทศไทยตัดสินใจเดินทางกลับประเทศของตน เนื่องจากค่าแรงในประเทศสูงขึ้นจนสามารถจูงใจให้กลับไปทำงานในบ้านเกิดได้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สร้างความกังวลให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทยที่พึ่งพาแรงงานไร้ฝีมือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน การขาดแคลนแรงงานจึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
การมุ่งพิจารณาประเทศศรีลังกาเป็นแหล่งแรงงานใหม่นั้น ได้รับการสนับสนุนจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดี และศักยภาพของแรงงานศรีลังกาที่อาจตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานไทยได้ พรรคพลังประชารัฐมองว่าการนำเข้าแรงงานจากศรีลังกาจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือที่มักมีการเคลื่อนย้ายสูงตามภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพในแต่ละประเทศ การดำเนินการนี้จะต้องมีการศึกษาและเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านข้อตกลงระหว่างประเทศ กฎหมายแรงงาน การคุ้มครองสิทธิแรงงาน และการบูรณาการเข้ากับสภาพสังคมไทย เพื่อให้การนำเข้าแรงงานเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างประโยชน์ให้กับทั้งสองประเทศ
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
แนวทางการดำเนินการเพื่อนำเข้าแรงงานจากศรีลังกาไม่ใช่เพียงแค่การหาแหล่งแรงงานใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผนและกำหนดนโยบายที่ครอบคลุม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน น.ส.ตรีนุช ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการศึกษาความเป็นไปได้และข้อดีข้อเสียของการนำเข้าแรงงานจากศรีลังกาอย่างละเอียดรอบคอบ รวมถึงการประเมินความต้องการของภาคส่วนต่าง ๆ ที่ขาดแคลนแรงงาน เพื่อให้มั่นใจว่าแรงงานที่นำเข้ามาจะสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง และสอดคล้องกับคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับงานแต่ละประเภท แม้ว่าจะเป็นแรงงานไร้ฝีมือก็ตาม
นอกจากนี้ การพิจารณายังรวมถึงการจัดทำข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับประเทศศรีลังกา เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือที่เป็นธรรมและโปร่งใสในการนำเข้าแรงงาน รวมถึงการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสำหรับการจัดหางาน การเดินทางเข้าประเทศ การทำงาน การจ่ายค่าจ้าง และการคุ้มครองสวัสดิภาพของแรงงาน การที่กัมพูชาปรับขึ้นค่าแรงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยไม่สามารถพึ่งพิงแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเพียงไม่กี่แห่งได้อีกต่อไป จึงต้องมีการกระจายความเสี่ยงโดยการแสวงหาแหล่งแรงงานจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งศรีลังกาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพและได้รับการพิจารณาในเบื้องต้น ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและแรงงานที่เข้ามาทำงาน
สรุปข่าวทั้งหมด
การประกาศของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง เกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเข้าแรงงานจากศรีลังกาเพื่อทดแทนแรงงานกัมพูชา ถือเป็นนโยบายเชิงรุกที่สำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในกัมพูชา การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการหาแหล่งแรงงานใหม่ แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้มีความยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแรงงานจากประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป ในอนาคต การดำเนินงานตามแนวทางนี้จะต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อให้การนำเข้าแรงงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องตามกฎหมาย และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ตลอดจนการสร้างโอกาสที่ดีให้กับแรงงานจากศรีลังกาในการเข้ามาทำงานในประเทศ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
		
			











