
“โรม” – นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้มีหนังสือเชิญบุคคลสำคัญทางการเมืองหลายท่าน ได้แก่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์, นายวราห์ สุจริตกุล และ นายวรภัค ธันยาวงษ์ ให้เข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นความเชื่อมโยงกับนายเบน สมิธ ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดและฟอกเงิน โดยการเชิญครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบและขยายผลข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสาธารณะ ตลอดจนข้อมูลที่คณะกรรมาธิการได้รับมา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย.
ประเด็นสำคัญจาก: “โรม” เชิญ “ธรรมนัส-นฤมล-วราห์-วรภัค” ให้ข้อมูลปมเอี่ยว “เบน สมิธ”
ประเด็นการเชิญบุคคลสำคัญทางการเมืองมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากข้อมูลและเบาะแสที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลเหล่านี้กับนายเบน สมิธ ซึ่งเป็นที่มาของข้อสงสัยในสังคมเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือกิจกรรมผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด คณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อคลายข้อสงสัยและนำความจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณะ เนื่องจากการพัวพันกับคดีที่มีลักษณะดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสถาบันทางการเมืองและภาพลักษณ์ของบุคลากรทางการเมืองได้.
ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ นายรังสิมันต์ โรม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และการให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อมูลเพื่อความกระจ่าง โดยระบุว่าการเรียกมาให้ข้อมูลนั้นเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญของการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและครบถ้วนที่สุด พยานบุคคลที่ถูกเชิญมาให้ข้อมูลได้แก่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีและนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญ เช่นเดียวกับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีและผู้ใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจรัฐ นายวราห์ สุจริตกุล และ นายวรภัค ธันยาวงษ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายเบน สมิธ การมีส่วนร่วมของบุคคลเหล่านี้ในการให้ข้อมูลจะเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายประเด็นข้อสงสัยที่เกิดขึ้น.
วัตถุประสงค์หลักของการเรียกบุคคลดังกล่าวมาให้ข้อมูลคือ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากมุมมองของผู้ที่อาจเกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อมกับนายเบน สมิธ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาและสรุปผลของคณะกรรมาธิการฯ ในการเสนอแนะแนวทางการตรวจสอบที่เหมาะสม หรือการส่งต่อข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายต่อไป เพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม หากพบว่ามีมูลความจริงและมีความผิดตามกฎหมาย การดำเนินการครั้งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและสร้างความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศ.
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การเชิญบุคคลเหล่านี้มาให้ข้อมูลไม่ได้เป็นการกล่าวหาหรือตัดสินว่ากระทำความผิด แต่เป็นกระบวนการเริ่มต้นเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและให้โอกาสแก่ผู้ถูกพาดพิงได้ชี้แจงมุมมองของตนเอง ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม นายรังสิมันต์ โรม ได้ระบุชัดเจนว่า คณะกรรมาธิการฯ มีข้อมูลพื้นฐานบางส่วนที่ได้รับจากการติดตามข่าวสารและจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งเป็นที่มาของการตั้งข้อสงสัย และเห็นว่าการเชิญมาให้ข้อมูลโดยตรงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเหล่านั้น เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง หรือการกล่าวหากันโดยไม่มีมูลที่เพียงพอ.
สำหรับบุคคลที่ถูกเชิญมาให้ข้อมูลนั้น แต่ละท่านล้วนมีประวัติและบทบาทสาธารณะที่แตกต่างกัน การที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ถูกเชิญมาให้ข้อมูล แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงกลุ่มบุคคลทั่วไป แต่ได้ขยายวงกว้างไปถึงบุคคลที่มีตำแหน่งและอำนาจทางการเมืองด้วย ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญและความละเอียดอ่อนของคดีนี้ การชี้แจงของแต่ละท่านจะเป็นส่วนสำคัญในการต่อจิ๊กซอว์ภาพรวมของข้อกล่าวหา และช่วยให้คณะกรรมาธิการฯ สามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างครบถ้วนและถูกต้องยิ่งขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะดำเนินการตรวจสอบด้วยความระมัดระวังและเป็นกลาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ไม่ลำเอียงและอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง.
สรุปข่าวทั้งหมด
สรุปได้ว่า การดำเนินการของคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ โดยนายรังสิมันต์ โรม ในการเชิญ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์, นายวราห์ สุจริตกุล และ นายวรภัค ธันยาวงษ์ มาให้ข้อมูลในประเด็นความเชื่อมโยงกับนายเบน สมิธ เป็นกระบวนการสำคัญในการแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและฟอกเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบุคลากรทางการเมืองและสถาบันต่าง ๆ การเชิญดังกล่าวไม่ใช่การตัดสิน แต่เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชนว่าสถาบันนิติบัญญัติยังคงทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลอย่างเต็มที่ เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและธรรมาภิบาลของประเทศต่อไป การติดตามผลการให้ข้อมูลและการดำเนินการของคณะกรรมาธิการฯ ในลำดับต่อไปจึงเป็นสิ่งที่สาธารณชนควรให้ความสนใจ.
		
			











