
ปลอดประสพ — นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกมาพูดถึงการขัดแย้งที่เกิดขึ้นในแวดวงการเมืองในช่วงหลัง โดยระบุว่าการล้างแค้นทางการเมืองมีส่วนสำคัญที่ทำให้การบริหารน้ำของประเทศขาดประสิทธิภาพ ขณะที่บริบททางการเมืองในประเทศเมื่อไม่นานนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ นายปลอดประสพกล่าวว่าแผนการและโครงการที่ควรจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องได้รับผลกระทบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและการบริหารที่มีมูลเหตุจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมืองต่าง ๆ
ประเด็นสำคัญจาก: “ปลอดประสพ” ชี้ ล้างแค้นทางการเมืองทำบริหารน้ำไร้ประสิทธิภาพ
ในช่วงที่ผ่านมา นายปลอดประสพได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นเป็นประจำในประเทศไทย แต่ทว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกิดจากการล้างแค้นและความขัดแย้งทางการเมืองได้ทำให้โครงการการบริหารน้ำหลายโครงการไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ นายปลอดประสพเสนอว่าสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการแยกแยะการบริหารทรัพยากรน้ำออกจากประเด็นการเมือง เพื่อให้เกิดการดำเนินการที่มีประสบการณ์ในการบริหารระยะยาวและให้ผลผลิตที่ยั่งยืนแก่สังคม
เขายังกล่าวว่าการล้างแค้นในแวดวงการเมืองทำให้ระบบการบริหารงานขาดความต่อเนื่อง โดยเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการสนับสนุนและการประสานงานที่ดีจากภาคการเมืองเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสามารถดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เขายังวิพากษ์วิจารณ์ถึงการขาดการสนับสนุนในเชิงนโยบายจากฝ่ายบริหารที่เป็นผลจากความคิดเห็นที่แตกต่างและความขัดแย้งที่ไม่สามารถจัดการได้ดีพอ
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
นายปลอดประสพยังได้เสริมว่าปัญหาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเหล่านี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในด้านทรัพยากรน้ำ ซึ่งควรมีการบูรณาการระหว่างการศึกษาวิจัยและความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การพัฒนานโยบายที่ใส่ใจและคำนึงถึงความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับสังคมและประเทศชาติ
นอกจากนี้ นายปลอดประสพได้เน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่น และประชาสังคมในการจัดการปัญหา ซึ่งการประสานงานและการทำงานร่วมกันจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ ความร่วมมือทั้งปวงจะต้องถูกสนับสนุนโดยนโยบายที่สอดคล้องกันและการมีส่วนร่วมจากบุคลากรทุกระดับ
สรุปข่าวทั้งหมด
จากการพูดคุยของนายปลอดประสพ สุรัสวดี สามารถสรุปได้ว่าการล้างแค้นทางการเมืองมีผลสำคัญต่อการบริหารทรัพยากรน้ำให้ขาดประสิทธิภาพ การขัดแย้งในแวดวงการเมืองทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ไม่สอดคล้องและทำให้โครงการต่าง ๆ ขาดความต่อเนื่องในการดำเนินงาน เขาชี้ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแยกประเด็นการบริหารจัดการน้ำออกจากการเมือง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาสังคมและรัฐบาลควรร่วมมือกันศึกษาแนวทางการแก้ไขต่อไปในอนาคต












