
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ ได้ออกมาให้คำแนะนำถึง 7 แนวทางปฏิบัติ เพื่อการเตรียมความพร้อมและดูแลรักษาที่อยู่อาศัยของลูกบ้านและเจ้าของทรัพย์สิน ในช่วงฤดูมรสุมและสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับอิทธิพลของพายุโซนร้อน “คัลแมกี” ที่มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมกระโชกแรง และปัญหาน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ การเตรียมการล่วงหน้าเช่นนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สินและชีวิตของผู้พักอาศัย โดยคำแนะนำดังกล่าวครอบคลุมทั้งการดูแลตัวอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และการจัดเก็บสิ่งของที่เป็นอันตราย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงนี้
แนวทางสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือพายุ “คัลแมกี” จาก พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการดูแลที่อยู่อาศัยอย่างครอบคลุม เพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์พายุ โดยเฉพาะในช่วงที่พายุ “คัลแมกี” กำลังจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ซึ่งคาดการณ์ว่าจะนำมาซึ่งฝนตกหนักและลมกระโชกแรง แนวทางที่แนะนำมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบและบำรุงรักษาโครงสร้างและระบบต่างๆ ของอาคาร เพื่อให้มั่นใจได้ว่าที่อยู่อาศัยจะสามารถทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรงได้ ตัวอย่างเช่น การจัดการน้ำฝนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการตรวจสอบระบบระบายน้ำ ท่อระบายน้ำ และรางน้ำฝน ไม่ให้มีสิ่งอุดตัน เพื่อให้น้ำสามารถไหลระบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาน้ำขังและซึมเข้าตัวอาคาร ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความเสียหายหลายประการในช่วงฤดูฝน
นอกจากนี้ การเตรียมรับมือกับกระแสลมแรงก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยแนะนำให้ผู้พักอาศัยตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างภายนอก เช่น กันสาด ชายคา หลังคา รวมถึงประตูและหน้าต่าง เพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงลม ในกรณีที่พายุมีความรุนแรงมาก การปิดประตูหน้าต่างให้สนิทและล็อกให้เรียบร้อยจะช่วยลดความเสียหายต่อภายในอาคารได้ ส่วนสิ่งของที่อยู่ภายนอกอาคาร เช่น เฟอร์นิเจอร์สนาม หรือกระถางต้นไม้ ควรจัดเก็บให้เข้าที่ หรือยึดตรึงให้มั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกพัดปลิวไปสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือทรัพย์สินบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันที่ต้องปฏิบัติล่วงหน้าก่อนพายุเข้าสู่พื้นที่
รายละเอียดเชิงลึกของ 7 แนวทางปฏิบัติจาก พลัส พร็อพเพอร์ตี้
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้แจกแจงรายละเอียดของ 7 แนวทางสำคัญ ดังนี้ 1. ตรวจสอบระบบระบายน้ำ: ควรทำความสะอาดรางน้ำฝน ท่อระบายน้ำ และทางระบายน้ำรอบบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเศษใบไม้ กิ่งไม้ หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ อุดตัน เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นและสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างอาคาร 2. ตรวจสอบความแข็งแรงของหลังคาและโครงสร้างภายนอก: ควรตรวจสอบกระเบื้องหลังคา รอยต่อ และรอยแตกร้าว รวมถึงกันสาดและชายคา ให้มีความแข็งแรง ไม่หลุดร่อนง่าย หากพบจุดชำรุดควรรีบดำเนินการซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึมเข้าสู่ภายใน รวมถึงป้องกันการถูกลมพัดจากพายุ
3. เก็บสิ่งของที่อาจถูกลมพัดปลิวเข้าที่: จัดเก็บอุปกรณ์ของตกแต่งภายนอกบ้าน อาทิ กระถางต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์สนาม ผ้าใบ หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่ไม่ได้ยึดติดเข้าที่ให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการถูกลมพัดปลิวไปสร้างความเสียหาย 4. ตรวจสอบระบบไฟฟ้า: ควรตรวจสอบสายไฟและเต้ารับปลั๊กไฟให้อยู่ในสภาพดี ไม่ชำรุดหรือมีรอยฉีกขาด และหากพบความผิดปกติควรรีบแก้ไขโดยผู้เชี่ยวชาญทันที งดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจสัมผัสกับน้ำโดยตรง และควรเตรียมอุปกรณ์สำรองไฟ เช่น ไฟฉาย พาวเวอร์แบงก์ ไว้ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ 5. เตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉิน: จัดเตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ยาสามัญประจำบ้าน ไฟฉาย เชื้อเพลิงสำรอง อาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอต่อการบริโภคอย่างน้อย 3 วัน รวมถึงเตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อมสำหรับกรณีที่ต้องอพยพ
6. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท: เมื่อพายุเข้า ให้ปิดประตูหน้าต่างทุกบานให้สนิทและล็อกให้แน่นหนา เพื่อป้องกันน้ำฝนและลมแรงพัดเข้ามาภายในอาคาร และหากมีบานประตูหรือหน้าต่างที่มีช่องว่าง ควรหาวัสดุมาอุดกันน้ำ รวมถึงพิจารณาใช้ฟิล์มกันแตกเพื่อเสริมความปลอดภัย 7. ติดตามข้อมูลข่าวสารและประกาศเตือนภัย: ควรติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อทราบสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
สรุปภาพรวมและข้อควรระวังสำหรับสถานการณ์พายุ “คัลแมกี”
การเตรียมความพร้อมตามคำแนะนำของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับผลกระทบของพายุ “คัลแมกี” ที่กำลังจะมาถึง การป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สินและเพื่อให้ทุกชีวิตปลอดภัยจากสภาพอากาศที่รุนแรง จำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด การบำรุงรักษาเชิงรุก และการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น การปฏิบัติตามแนวทางทั้ง 7 ข้อนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการจัดการน้ำ การป้องกันความเสียหายจากลม และการเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้พักอาศัยควรทำความเข้าใจและนำมาปรับใช้กับที่อยู่อาศัยของตนเองอย่างเคร่งครัด รวมถึงการติดตามข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับแผนการรับมือได้ทันท่วงทีตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ความร่วมมือและการเตรียมการของทุกคนจะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ












