ภาพประกอบข่าว:
เครดิตภาพ: https://www.pptvhd36.com

ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนผ่านแถลงการณ์ว่าไม่เชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันอีกต่อไป โดยระบุถึง 4 ประเด็นหลักที่ทำให้เขามองว่ารัฐบาล “ดีแต่พูด” ไม่สามารถนำพานโยบายไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม การออกมาแสดงจุดยืนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาสังคม หรือการดำเนินนโยบายที่ประกาศไว้ แถลงการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงความไม่พอใจและความผิดหวังต่อผลงานที่จับต้องได้ ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณถึงแรงกดดันทางการเมืองที่มีต่อรัฐบาลมากขึ้น ถ้อยคำของปลอดประสพสะท้อนถึงมุมมองของประชาชนบางส่วนที่คาดหวังให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาและดำเนินการตามที่ได้ให้คำมั่นไว้

ประเด็นสำคัญจาก: “ปลอดประสพ” ลั่นไม่เชื่อรัฐบาลอีกแล้ว ยก 4 ข้อ ดีแต่พูด

แถลงการณ์ของนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในแวดวงการเมืองไทย ได้สร้างความฮือฮาเมื่อเขาระบุถึง 4 ข้อหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจ “ไม่เชื่อรัฐบาลอีกแล้ว” ซึ่งคำกล่าวของเขาสะท้อนถึงความไม่พอใจต่อการดำเนินงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ประเด็นที่หนึ่งคือเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ โดยนายปลอดประสพชี้ว่ารัฐบาลดูเหมือนจะไร้ทิศทางในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและนักลงทุนได้ แม้จะมีการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ประชาชนยังคงเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และรายได้ที่ลดลง ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต

ประเด็นที่สองที่ถูกกล่าวถึงคือ เรื่องของนโยบายที่ดูเหมือนจะ “ดีแต่พูด” แต่ขาดการนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม หรือหากมีการดำเนินการ ก็เป็นไปอย่างล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ นายปลอดประสพระบุว่า รัฐบาลมีการประกาศนโยบายที่ดูดีและสร้างความหวังให้กับประชาชน แต่เมื่อถึงขั้นตอนการทำงานจริงกลับไม่สามารถขับเคลื่อนได้สำเร็จ ทำให้หลายโครงการประสบปัญหา ไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ และบางครั้งก็สร้างความสับสนให้กับประชาชนที่รอคอยการเปลี่ยนแปลง

ประเด็นที่สามเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำและปัญหายาเสพติด นายปลอดประสพมองว่ารัฐบาลยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างจริงจังและเด็ดขาด แม้จะมีการประกาศสงครามกับยาเสพติดและมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ แต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ปัญหายาเสพติดยังคงระบาดในวงกว้าง และช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่รอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ส่วนประเด็นที่สี่ คือความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ นายปลอดประสพแสดงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินงานบางอย่างที่อาจขาดความโปร่งใส และการตรวจสอบที่ยังไม่เข้มแข็งพอ ทำให้เกิดคำถามและความคลางแคลงใจในหมู่ประชาชน การขาดความน่าเชื่อถือในเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลโดยรวม และบั่นทอนความศรัทธาของประชาชนในการบริหารประเทศ ความไม่ชัดเจนในกระบวนการทำงานบางอย่างทำให้เกิดข้อสงสัย และอาจนำไปสู่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้ในที่สุดหากไม่มีการตรวจสอบที่เข้มงวด

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

การวิพากษ์วิจารณ์ของนายปลอดประสพ สุรัสวดี ได้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและการดำเนินงานของรัฐบาล ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเพิ่มเติมคือ แนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว ซึ่งรัฐบาลยังคงเผชิญกับความท้าทายในการสร้างความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นกับการวางรากฐานเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ข้อกล่าวหาเรื่อง “ดีแต่พูด” ยังตอกย้ำถึงความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้จริง การประกาศนโยบายที่สวยหรูแต่ขาดแผนการปฏิบัติที่ชัดเจน หรือมีอุปสรรคในการดำเนินการ ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของภาครัฐในสายตาของสาธารณชน.

นอกจากนี้ ประเด็นด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการแก้ไขปัญหายาเสพติดยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งหาคำตอบ แม้จะมีการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง การขาดธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดินที่ถูกพูดถึง ก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความเชื่อมั่นและการได้รับความไว้วางใจจากประชาชน การตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจที่เข้มแข็ง การเปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริง และการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาและยกระดับการบริหารประเทศให้ดีขึ้น เพื่อให้รัฐบาลสามารถนำคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนในที่สุด.

สรุปข่าวทั้งหมด

การที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี ออกมาประกาศจุดยืนว่า “ไม่เชื่อรัฐบาลอีกแล้ว” พร้อมยก 4 ข้อหลักที่สะท้อนถึงการทำงานที่ยังไม่เป็นรูปธรรม สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจและความผิดหวังต่อการบริหารราชการแผ่นดินในหลายมิติ ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่เห็นผล การดำเนินนโยบายที่ขาดประสิทธิภาพ ปัญหาความเหลื่อมล้ำและยาเสพติดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ไปจนถึงความกังวลในเรื่องความโปร่งใสและธรรมาภิบาล คำกล่าวของเขาเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลให้เร่งปรับปรุงและแสดงผลงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนกลับคืนมาได้ การวิพากษ์วิจารณ์นี้ถือเป็นเสียงสะท้อนจากอดีตผู้บริหารระดับสูงที่อาจเป็นตัวแทนของความรู้สึกและมุมมองของประชาชนอีกจำนวนมากที่กำลังจับตาดูการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด และคาดหวังให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here