
คลัง ได้พิจารณาการใช้โมเดล “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา มาตรการนี้ถูกมองว่าเป็นทางออกที่สามารถเสริมสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจและช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว แผนการใช้งานโมเดลคนละครึ่ง พลัส เป็นการต่อยอดจากโครงการคนละครึ่งที่ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับประเทศ
ประเด็นสำคัญจาก: คลัง เล็งใช้โมเดล “คนละครึ่ง พลัส” ฟื้นเศรษฐกิจภาคใต้ หลังน้ำท่วม
ภาคใต้ของประเทศไทยได้เผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชน การคมนาคมขนส่ง และการเกษตรกรรม ซึ่งเป็นภาคส่วนหลักของการสร้างรายได้ในภูมิภาค ผลกระทบเหล่านี้ทำให้รายได้ในพื้นที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยอดการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้อีกส่วนกลับหยุดชะงัก เนื่องด้วยน้ำท่วมและสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีผลกระทบต่อเนื่อง การเข้าถึงช่วยเหลือด้านการเงินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตนี้
โมเดลคนละครึ่ง พลัส ได้ถูกวิเคราะห์และพิจารณาว่าเป็นมาตรการที่เข้ากันได้ดียิ่งเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย เนื่องจากเป็นแผนที่เน้นการสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการจับจ่ายซื้อสินค้า ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถมีแหล่งเงินทุนพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน จากการวิจัยในอดีตพบว่าการกระจายรายได้ในระดับรากหญ้าสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าเพราะเงินถูกใช้จ่ายทันทีและหมุนเวียนกลับเข้าสู่เศรษฐกิจสูงกว่าการให้ความช่วยเหลือจากบนลงล่างแบบเดิม
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
กระทรวงการคลังระบุว่า การเลือกดำเนินการผ่านโมเดลคนละครึ่ง พลัส นั้น ได้รับแรงสนับสนุนจากการเรียนรู้และผลลัพธ์ที่ได้รับจากโมเดลคนละครึ่งที่เคยนำมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง การสนับสนุนทางเศรษฐกิจในรูปแบบนี้ยังสามารถเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้ฟื้นตัวไปพร้อมกัน
ในโอกาสนี้ กระทรวงคาดการณ์ว่า การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวกลับคืนมาสู่พื้นที่ภาคใต้ได้เร็วขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนร้านค้าและธุรกิจที่เป็นเจ้าของโดยคนท้องถิ่น ความร่วมมือระหว่างรัฐและภาคเอกชนจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความยั่งยืนของเศรษฐกิจในระยะยาว
สรุปข่าวทั้งหมด
มาตรการโมเดล “คนละครึ่ง พลัส” ถือเป็นความพยายามทางนโยบายของรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคใต้หลังภัยพิบัติน้ำท่วม การเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนทางการเงินในระดับท้องถิ่น แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและผู้ลงทุนในการเดินหน้าและพัฒนาธุรกิจของตนเองต่อไป ในขณะเดียวกันภาครัฐยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการให้เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต












