ภาพประกอบข่าว: อนุสรณ์ ชี้ไทยเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย คาดไตรมาส 4โตต่ำกว่า 1%
เครดิตภาพ: mayuree

อนุสรณ์ ชี้ไทย— ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะถดถอย และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้จะต่ำกว่า 1% สาเหตุหลักมาจากภาวะซบเซาในหลายภาคเศรษฐกิจ รวมทั้งปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งนี้ ดร.อนุสรณ์ได้ให้ความคิดเห็นว่า ภาครัฐและผู้เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการปรับปรุงและเสริมสร้างนโยบายทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

ประเด็นสำคัญจาก: อนุสรณ์ ชี้ไทยเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย คาดไตรมาส 4โตต่ำกว่า 1%

ดร.อนุสรณ์ชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางในปัจจุบันมีสาเหตุหลายประการ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจระดับโลกที่ส่งผลต่อประเทศไทย ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ตลอดจนแรงกดดันจากการค้าและการผลิตที่ชะลอตัว อุตสาหกรรมส่งออกของไทยที่เคยเป็นตัวชูโรงก็ประสบกับความยากลำบาก ทำให้เกิดการชะลอตัวของการลงทุนจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ ดร.อนุสรณ์ยังได้กล่าวถึงปัจจัยภายในประเทศ เช่น ความไม่มั่นคงทางการเมืองและการขาดแคลนนโยบายที่ชัดเจนในระยะยาว ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ภาวะการเงินที่เข้มงวดของธนาคารพาณิชย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากหนี้สินที่เพิ่มขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ดำเนินไปด้วยความยากลำบาก โดยมีตัวเลขการเติบโตที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการระบาดของไวรัสโควิด-19 ผลลัพธ์ที่ได้คือจำนวนผู้ว่างงานที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น การใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลงเนื่องจากความจำเป็นต้องควบคุมงบประมาณอย่างเข้มงวดก็มีส่วนสำคัญในการชะลอตัวของเศรษฐกิจ การคาดการณ์ของดร.อนุสรณ์ถือเป็นการเตือนภัยให้ภาครัฐและภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเสนอแนะให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

สรุปข่าวทั้งหมด

สรุปแล้วสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยอยู่ในช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะในภาวะที่มีปัจจัยลบทั้งจากภายในและภายนอก การเติบโตที่คาดว่าจะต่ำกว่า 1% ในไตรมาสที่ 4 สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางและความจำเป็นในการพิจารณานโยบายทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ ดร.อนุสรณ์จึงเน้นย้ำว่าทุกฝ่ายควรหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here