
DIT หรือ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์การจับจ่ายใช้สอยและราคาสินค้า ณ ตลาดสดเอกชนย่านลาดพร้าวและถนนพหลโยธิน โดยมีนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นผู้ลงพื้นที่ พบว่า บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการในตลาดสดมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ค้าหลายรายระบุว่า โครงการดังกล่าวช่วยกระตุ้นยอดขายได้มากถึง 80% ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในระดับฐานราก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าส่วนใหญ่ยังคงมีความต้องการให้ภาครัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาโครงการต่อไป เพื่อเป็นการรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน
ประเด็นสำคัญจาก: DIT ลุยตลาดสด พบประชาชนตอบรับดี “คนละครึ่งพลัส” ดันยอดแม่ค้าพุ่ง 80% ฝากรัฐขอเพิ่มวงเงิน-ขยายเวลาต่อ
การลงพื้นที่ของกรมการค้าภายในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและผลกระทบของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ต่อเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชน ผู้ค้าในตลาดสดระบุว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 80% ส่วนใหญ่มาจากกำลังซื้อที่ได้รับการสนับสนุนผ่านโครงการนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของมาตรการในการกระตุ้นการใช้จ่าย โครงการคนละครึ่งพลัส ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพยุงกำลังซื้อของประชาชนให้ยังคงสามารถจับจ่ายใช้สอยสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันได้ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะยังคงมีความท้าทายอยู่บ้างก็ตาม การกระตุ้นยอดขายเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ยังช่วยให้สินค้าที่จำเป็นแก่การบริโภคสามารถหมุนเวียนได้ดีขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ การสำรวจยังพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้การตอบรับโครงการคนละครึ่งพลัสเป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารสด ผัก ผลไม้ หรือสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ภายในตลาด การดำเนินการของโครงการนี้จึงมีส่วนช่วยให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่อาจมีการปรับตัวสูงขึ้นในบางช่วงเวลา ความสำเร็จของโครงการนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและประชาชนในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน แม้ว่าโครงการจะช่วยให้ผู้ค้ามีรายได้ที่ดีขึ้นแล้ว การขยายระยะเวลาและเพิ่มวงเงินจึงเป็นสิ่งที่ผู้ค้าส่วนใหญ่คาดหวัง เพื่อให้สามารถรักษาสภาพคล่องทางการเงินและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจของตนได้ในระยะยาว
สถานการณ์ราคาสินค้าในภาพรวมยังคงอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยทางกรมการค้าภายในได้มีการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการและเกษตรกร เพื่อประสานงานให้ราคาสินค้ามีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมถึงมีการป้องกันการกักตุนสินค้าหรือการฉวยโอกาสขึ้นราคา การเข้ามาตรวจสอบและควบคุมราคาสินค้าอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคได้ในราคาที่ยุติธรรม นอกจากนี้ การส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาดก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่กรมการค้าภายในให้ความสำคัญ เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการบางรายมีอำนาจในการกำหนดราคาเกินควร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจระดับมหภาค
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
อธิบดีกรมการค้าภายในได้เน้นย้ำว่า แม้ว่าโครงการคนละครึ่งพลัสจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม แต่ยังคงมีข้อเรียกร้องจากผู้ค้าจำนวนมากให้พิจารณาการเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาของโครงการออกไปอีก เพื่อให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ผู้ประกอบการหลายรายให้ข้อมูลตรงกันว่า หากไม่มีโครงการนี้ อาจทำให้ยอดขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและรายได้โดยรวมของธุรกิจ การขยายระยะเวลาโครงการจึงไม่ใช่เพียงการช่วยเหลือผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาเสถียรภาพของผู้ประกอบการรายย่อย ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
ประเด็นเรื่องการเพิ่มวงเงินก็เป็นอีกหนึ่งข้อเสนอที่สำคัญ เนื่องจากค่าครองชีพที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มวงเงินจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนได้มากขึ้น ทำให้พวกเขาสามารถซื้อสินค้าที่จำเป็นได้หลากหลายและเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้น อันจะนำไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม การพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ภาครัฐควรนำไปประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ในอีกมิติหนึ่ง กรมการค้าภายในยังได้เดินหน้ามาตรการอื่นๆ เพื่อดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจสอบราคาสินค้าอย่างเข้มงวด การกำกับดูแลการค้าที่เป็นธรรม และการส่งเสริมการแข่งขันในตลาด การดำเนินการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ในราคาที่เหมาะสมและคุณภาพที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ยังมีการให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการปรับตัวและใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการร้านค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยเฉพาะในภาคการค้าปลีกซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจฐานราก
สรุปข่าวทั้งหมด
โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนและผู้ค้าในตลาดสด โดยข้อมูลจากการลงพื้นที่ของกรมการค้าภายในชี้ให้เห็นว่าโครงการนี้มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายของผู้ค้าได้สูงถึง 80% ซึ่งเป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฐานราก ผู้ค้าส่วนใหญ่แสดงความประสงค์ให้ภาครัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาโครงการออกไป เพื่อรักษากำลังซื้อของประชาชนและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของร้านค้าขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง ประเด็นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ภาครัฐจะต้องนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้โครงการคนละครึ่งพลัสสามารถบรรลุเป้าหมายในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนได้อย่างยั่งยืน การติดตามและประเมินผลโครงการอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนามาตรการต่อไปในอนาคต
		
			











