
“เชตวัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาตอบโต้ “พันเอก วินธัย สุวารี” โฆษกกองทัพบก กรณีที่พันเอกวินธัยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นเรื่องการรับบริจาคสิ่งของจากประชาชนเพื่อมอบให้กับทหารประจำการ โดยเชตวันได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของวินธัยที่มองว่าการบริจาคสิ่งของให้ทหารนั้นเป็นสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจ และไม่เหมาะสมกับศักดิ์ศรีของทหาร เชตวันเน้นย้ำว่าแก่นแท้ของเรื่องนี้อยู่ที่ “น้ำใจ” ของประชาชนที่ต้องการแสดงออกถึงความห่วงใยและกำลังใจ ไม่ใช่เรื่องของมูลค่าสิ่งของที่บริจาคแต่อย่างใด และเรียกร้องให้วินธัยอย่าพูดจาในลักษณะที่ดูดีแต่ไม่เข้าใจถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ของผู้ที่ให้
ประเด็นสำคัญจาก: “เชตวัน” โต้ “วินธัย” อย่าพูดเอาหล่อ ปมของบริจาคทหารไม่สำคัญเท่าน้ำใจ
ประเด็นร้อนแรงระหว่าง “เชตวัน” และ “วินธัย” เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่พันเอกวินธัย สุวารี ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนบริจาคสิ่งของให้กับทหาร ซึ่งพันเอกวินธัยมองว่าการกระทำดังกล่าวอาจทำให้ทหารรู้สึกไม่ดี หรือลดทอนเกียรติภูมิของทหาร โดยให้เหตุผลว่าทหารเป็นผู้เสียสละและปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ควรได้รับสิ่งของเครื่องใช้ที่เพียงพอและเหมาะสมจากงบประมาณของรัฐ ไม่ควรต้องพึ่งพาการบริจาคจากประชาชน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อกองทัพ พร้อมทั้งแสดงความเห็นว่าการช่วยเหลือในรูปแบบอื่น เช่น การสนับสนุนทางด้านจิตใจหรือการเข้าใจการทำงานของทหาร อาจเป็นการช่วยเหลือที่มีคุณภาพมากกว่าการบริจาคสิ่งของ
การแสดงความเห็นของพันเอกวินธัย ได้รับการตอบโต้จาก “เชตวัน” ส.ส. พรรคก้าวไกล อย่างรวดเร็ว เชตวันมองว่าคำพูดของพันเอกวินธัยเป็นการมองข้ามเจตนาอันบริสุทธิ์และน้ำใจที่ประชาชนมีต่อทหาร โดยชี้ให้เห็นว่าการบริจาคสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรือสิ่งของจำเป็นเล็กๆ น้อยๆ นั้น เป็นการแสดงออกถึงความห่วงใย ความปรารถนาดี และการให้กำลังใจจากประชาชนที่ต้องการส่งต่อถึงผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญทางจิตใจมากกว่ามูลค่าทางวัตถุ เชตวันยังกล่าวเสริมว่าการพูดในลักษณะที่ “เอาหล่อ” หรือพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดีโดยไม่เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของผู้ให้และผู้รับ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและอาจสร้างความห่างเหินระหว่างประชาชนกับกองทัพได้
เชตวันได้เน้นย้ำถึงแก่นแท้ของเรื่องนี้ว่าคือ “น้ำใจ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ การที่ประชาชนแสดงออกถึงน้ำใจผ่านการบริจาคสิ่งของนั้น ไม่ได้หมายความว่ากองทัพขาดแคลน หรือทหารมีศักดิ์ศรีที่ลดลง แต่เป็นการเชื่อมโยงความผูกพันระหว่างประชาชนกับทหาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ การที่พันเอกวินธัยไปตีความว่าการบริจาคสิ่งของเป็นการบั่นทอนกำลังใจ หรือไม่เหมาะสมกับศักดิ์ศรีทหาร เป็นการตีความที่ผิดพลาดและไม่เข้าใจบริบททางสังคมและวัฒนธรรมไทยที่ให้ความสำคัญกับการแบ่งปันและการแสดงออกถึงความห่วงใยผ่านการให้
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
คำกล่าวของเชตวันที่ว่า “อย่าพูดเอาหล่อ” นั้น สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจในท่าทีของพันเอกวินธัยที่อาจถูกมองว่าเป็นการพยายามปกป้องภาพลักษณ์ของกองทัพมากเกินไป จนละเลยความรู้สึกและเจตนาที่ดีงามของประชาชน การบริจาคสิ่งของให้กับทหาร โดยเฉพาะทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย หรือประสบภัยพิบัติ มักเป็นประเพณีปฏิบัติที่แสดงถึงความร่วมมือและความสามัคคีของสังคมไทย การที่กองทัพโดยโฆษกออกมาตีความในเชิงลบ อาจก่อให้เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองในหมู่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนและกองทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนทั้งทางกายและทางใจ
นอกจากนี้ เชตวันยังได้กล่าวถึงความจำเป็นที่กองทัพควรเปิดใจยอมรับน้ำใจจากประชาชน และมองเห็นคุณค่าของการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ ในสังคม การที่กองทัพมีงบประมาณสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างสิ่งของจำเป็นสำหรับทหารนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่การที่ประชาชนแสดงน้ำใจผ่านการบริจาคเป็นเรื่องที่แตกต่างกันและมีคุณค่าทางจิตใจที่ไม่สามารถทดแทนด้วยงบประมาณได้ การได้รับของบริจาคจากประชาชนไม่ได้หมายความว่ากองทัพไม่สามารถจัดหาสิ่งของเหล่านี้ได้เอง แต่เป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันและกำลังใจที่ส่งตรงมาจากใจของผู้คน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทหารต้องการและสร้างขวัญกำลังใจได้อย่างมหาศาล คำพูดของเชตวันมีนัยยะว่าควรให้ความสำคัญกับสาระแท้จริงของน้ำใจ ไม่ใช่การยึดติดกับรูปแบบหรือภาพลักษณ์จนเกินไป ซึ่งอาจละเลยความรู้สึกที่ดีงามที่เกิดขึ้นในสังคม
สรุปข่าวทั้งหมด
กรณีโต้ตอบระหว่าง “เชตวัน” และ “วินธัย” สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับบทบาทของกองทัพและความสัมพันธ์กับประชาชน “เชตวัน” ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พันเอกวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อย่างเผ็ดร้อน ภายหลังพันเอกวินธัยให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการบริจาคสิ่งของให้ทหาร โดยเชตวันมองว่าการบริจาคคือการแสดงออกซึ่งน้ำใจจากประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการบั่นทอนศักดิ์ศรีหรือแสดงความขาดแคลนของกองทัพ ประเด็นนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารที่เข้าใจถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ของประชาชน และการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพกับภาคส่วนต่างๆ ในสังคม โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบหรือภาพลักษณ์จนละเลยความรู้สึกที่แท้จริงของการแบ่งปันและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่












