ภาพประกอบข่าว:
เครดิตภาพ: https://www.pptvhd36.com

อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก โดยระบุว่า การตั้งข้อกล่าวหาเกินจริงและไม่เป็นธรรมอย่างมาก คดีนี้ก่อให้เกิดคำถามถึงมาตรฐานและกระบวนการพิจารณาของ ป.ป.ช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการและเสรีภาพในการแสดงออก ข้อมูลจาก ข้อกล่าวหาดังกล่าวมีที่มาจากการแสดงความคิดเห็นของ น.ส.นันทนา ในฐานะนักวิชาการ ซึ่งโดยหลักแล้วควรได้รับการคุ้มครองภายใต้หลักการเสรีภาพทางวิชาการและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมประชาธิปไตย

ประเด็นสำคัญจาก: “อังคณา” ค้านเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง “นันทนา” ตั้งข้อกล่าวหาเกินจริง!

ประเด็นหลักที่ น.ส.อังคณา หยิบยกขึ้นมาคือความไม่สมเหตุสมผลของการใช้มาตรการทางจริยธรรมระดับร้ายแรงกับกรณีการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ น.ส.อังคณา ชี้แจงว่า น.ส.นันทนา ในฐานะนักวิชาการและคณบดีวิทยาลัย ควรมีอิสระในการแสดงทัศนะและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะเมื่อการแสดงความคิดเห็นนั้นไม่ได้นำไปสู่การกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย หรือก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสาธารณะ การชี้มูลความผิดทางจริยธรรมร้ายแรงเช่นนี้เป็นเสมือนการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ การที่ ป.ป.ช. เลือกที่จะดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าว ยังสร้างความกังวลในหมู่นักวิชาการและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการตีความขอบเขตของ “จริยธรรมร้ายแรง” และความเสี่ยงที่การตัดสินใจในอนาคตจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปิดกั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือการแสดงออกที่ไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายผู้มีอำนาจ น.ส.อังคณา ยังตั้งคำถามถึงกระบวนการพิจารณาของ ป.ป.ช. ว่ามีการกลั่นกรองและให้ความเป็นธรรมอย่างครบถ้วนหรือไม่ มีการให้โอกาสในการชี้แจงและนำเสนอพยานหลักฐานอย่างเต็มที่ หรือมีการมองข้ามบริบทที่สำคัญของการแสดงความคิดเห็นนั้นไปหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและการยอมรับผลการตัดสินใจขององค์กรอิสระ

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

รายละเอียดของข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช. ชี้มูล น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวาง สื่อมวลชนและสาธารณชนต่างให้ความสนใจว่า การแสดงความคิดเห็นของ น.ส.นันทนา นั้นมีเนื้อหาสาระอย่างไร และมีความร้ายแรงถึงขั้นต้องถูกชี้มูลความผิดทางจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่นักวิชาการจะแสดงบทบาทในการให้ความเห็นต่อประเด็นสาธารณะ การจำกัดบทบาทของนักวิชาการด้วยข้อหาทางจริยธรรมร้ายแรง อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่รับรองว่าสถาบันการศึกษาและนักวิชาการสามารถศึกษา ค้นคว้า และเผยแพร่ความรู้ได้อย่างเป็นอิสระ โดยปราศจากการแทรกแซงหรือการคุกคาม

การแสดงความเห็นของ น.ส.อังคณา นีละไพจิตร ในฐานะอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยิ่งตอกย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมในสังคมไทย การที่บุคคลซึ่งมีพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนออกมาคัดค้านกรณีนี้ แสดงให้เห็นว่ามีการมองเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการยุติธรรมและมาตรฐานการพิจารณาขององค์กรอิสระ การดำเนินการของ ป.ป.ช. ในกรณีนี้จึงมิได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของ น.ส.นันทนา แต่สะท้อนให้เห็นถึงภาพใหญ่ของเสรีภาพในการแสดงออกและบทบาทของสถาบันวิชาการในปัจจุบัน ซึ่งจำเป็นต้องมีกลไกที่โปร่งใสและเป็นธรรมในการคุ้มครองสิทธิเหล่านี้.

สรุปข่าวทั้งหมด

กรณีมติของ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาคัดค้านจาก น.ส.อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมองว่าเป็นการตั้งข้อกล่าวหาเกินจริงและไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากบริบทของการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ กรณีนี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับขอบเขตของเสรีภาพทางวิชาการ เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และมาตรฐานการพิจารณาคดีขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. ในอนาคต ประเด็นนี้จะยังคงเป็นที่จับตาของสาธารณชนและนักวิชาการ เพื่อดูว่าผลลัพธ์ของคดีจะเป็นอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกในสังคมไทยอย่างไรต่อไป.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here