
กรมประมง ได้เชิญชวนประชาชนร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทงประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด ‘ลอยกระทงวิถีไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม’ โดยเน้นย้ำการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ง่าย และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อแหล่งน้ำและสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ การรณรงค์ครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของกรมประมงในการสร้างความตระหนักรู้ให้กับสาธารณชนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลอยกระทงที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติตามหลักการของการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ประเพณีอันดีงามนี้คงอยู่คู่สังคมไทยไปพร้อมกับการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ การเน้นใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วย ใบตอง และดอกไม้ตามธรรมชาตินั้น จะช่วยลดปัญหาขยะที่ยากต่อการย่อยสลายในแหล่งน้ำ และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับสัตว์น้ำ อาทิ การกินพลาสติกหรือโฟมที่ย่อยสลายไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในระยะยาว
ประเด็นสำคัญจาก: กรมประมง ชวน ‘ลอยกระทงวิถีไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม’ ใช้วัสดุธรรมชาติ
ประเด็นสำคัญจากการรณรงค์ของกรมประมงคือการส่งเสริมให้การลอยกระทงเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายหลักในการลดปริมาณขยะและมลพิษในแหล่งน้ำ ซึ่งเกิดจากการใช้วัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ในการประดิษฐ์กระทง กรมประมงชี้ให้เห็นว่ากระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง หยวกกล้วย กาบพลับพลึง เปลือกข้าวโพด และดอกไม้นั้น สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติภายในระยะเวลาอันสั้น และไม่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในน้ำ ซึ่งต่างจากกระทงโฟม หรือกระทงพลาสติกที่ใช้เวลาย่อยสลายนานนับร้อยปี และเมื่อย่อยสลายเป็นไมโครพลาสติกแล้ว จะส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารในที่สุด
นอกจากนี้ กรมประมงยังได้ให้แนวทางปฏิบัติอื่นๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลอยกระทงร่วมกันในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน เพื่อลดจำนวนกระทงที่ลอยลงในแหล่งน้ำ การใช้กระทงขนมปัง ซึ่งแม้จะย่อยสลายได้ แต่ก็ควรระมัดระวังเรื่องปริมาณเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อระบบนิเวศมากเกินไป รวมถึงการหลีกเลี่ยงการปล่อยโคมลอยในพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้ การรณรงค์นี้จึงเป็นมิติใหม่ของการเฉลิมฉลองประเพณี ที่ไม่เพียงให้ความสำคัญกับความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังครอบคลุมถึงความรับผิดชอบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน เพื่อให้คนรุ่นหลังสามารถสัมผัสกับประเพณีนี้ได้ในสภาพแวดล้อมที่ยังคงสมบูรณ์อยู่
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
กรมประมงได้มีการเตรียมความพร้อมในการดูแลและจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ทั่วประเทศในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยมีการประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการห้ามจับสัตว์น้ำบางชนิดในบางพื้นที่ เพื่อให้สัตว์น้ำที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติภายหลังการทำบุญในวันลอยกระทงสามารถเติบโตและขยายพันธุ์ได้ตามวงจรธรรมชาติ นอกจากนี้ กรมประมงยังได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนไม่ทิ้งขยะหรือวัสดุแปลกปลอมอื่นๆ ลงในแหล่งน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำได้ เช่น ถุงพลาสติก เชือก หรือเศษวัสดุมีคม
การดำเนินการของกรมประมงยังรวมถึงการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่สาธารณชนเกี่ยวกับบทบาทของระบบนิเวศทางน้ำและความสำคัญของสัตว์น้ำต่อความสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ การส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมของมนุษย์กับการรักษาสิ่งแวดล้อม จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับประเพณีและทรัพยากรธรรมชาติในระยะยาว การนำเสนอแนวคิด “ลอยกระทงวิถีไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” จึงเป็นมากกว่าแค่การเลือกใช้วัสดุ แต่เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้กับคนในสังคมเพื่อร่วมกันดูแลแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นต้นธารของชีวิตและการดำรงอยู่ของประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทยต่อไป
สรุปข่าวทั้งหมด
การรณรงค์ของกรมประมงภายใต้แนวคิด ‘ลอยกระทงวิถีไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม’ ในปี 2566 นี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลอยกระทงของคนไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ง่าย เพื่อลดปริมาณขยะและมลพิษในแหล่งน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศ การรณรงค์นี้ไม่เพียงเป็นการอนุรักษ์ประเพณีอันดีงาม แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและประชาชนในการเลือกกระทงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้ประเพณีลอยกระทงเป็นเทศกาลแห่งความสุขที่แท้จริง และส่งเสริมความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำและชีวิตสัตว์น้ำในระยะยาว












