
6 เดือนแรกในปี 2568 ที่ผ่านมา Garmin รายงานผลประกอบการที่น่าประทับใจ ด้วยอัตราการเติบโตถึง 35% สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการตอบรับกระแสความนิยมด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์และอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ การเติบโตนี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดอุปกรณ์เพื่อสุขภาพมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว สำหรับประเทศไทย Garmin ได้วางแผนที่จะเปิดโรงงานผลิตแห่งใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีเดียวกัน ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานการผลิตและเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดภูมิภาคนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ประเด็นสำคัญจาก: 6 เดือนแรกปี 2568 Garmin โต 35% รับเทรนด์สุขภาพ ไตรมาส 4 เปิดโรงงานในไทย
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Garmin ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ด้วยสถิติ 35% นั้น ได้รับแรงหนุนหลักจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่พุ่งสูงขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ผลิตภัณฑ์ของ Garmin ซึ่งประกอบด้วยสมาร์ทวอทช์ที่มีฟังก์ชันหลากหลาย เช่น การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ การวัดคุณภาพการนอนหลับ การนับก้าว และโหมดการออกกำลังกายเฉพาะทาง จึงตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Garmin รักษาความเป็นผู้นำในตลาดอุปกรณ์สวมใส่ได้
การประกาศแผนการเปิดโรงงานผลิตในประเทศไทยช่วงไตรมาสที่ 4 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Garmin ในการขยายฐานการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง การตั้งโรงงานในประเทศไทยคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและขนส่ง ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับสายการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การมีโรงงานในประเทศไทยยังเป็นการสร้างงานและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับแรงงานไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมอีกด้วย
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การขยายตัวของตลาดอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพและฟิตเนสทั่วโลกเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่สำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากสถาบันวิจัยตลาดหลายแห่งชี้ให้เห็นว่า ตลาดนี้มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยทบต้น (CAGR) ที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสุขภาพมากขึ้น Garmin ในฐานะผู้เล่นหลักในตลาดนี้ ได้วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของตนเองให้เป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยกับความสามารถในการติดตามสุขภาพได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแตกต่างจากสมาร์ทวอทช์ทั่วไปที่เน้นฟังก์ชันการสื่อสารเป็นหลัก
สำหรับแผนการลงทุนในประเทศไทย การเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่นั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องของห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังเป็นการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า การเข้ามาของ Garmin จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีในประเทศ รวมถึงโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ในอนาคต การดำเนินการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 จึงถือเป็นการผลักดัน Garmin ไปสู่การเป็นผู้นำระดับโลกอย่างแท้จริง และเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาค
สรุปข่าวทั้งหมด
ผลประกอบการที่โดดเด่นของ Garmin ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่เติบโตถึง 35% เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการตอบรับกระแสสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก และตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในตลาดอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ การประกาศแผนการเปิดโรงงานผลิตในประเทศไทยช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีเดียวกันนั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการผลิต เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชียที่มีการเติบโตสูง การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศไทย อนาคตของ Garmin ในภูมิภาคนี้จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ด้วยนวัตกรรมและวิสัยทัศน์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของผู้บริโภคอย่างแท้จริง












