
วุฒิสภาลงดาบ! เมื่อเร็วๆ นี้ กรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมของวุฒิสภา เปิดเผยถึงผลการพิจารณาคดีจริยธรรมของนางนันทนา นิยมวิเศษ สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง สืบเนื่องจากถ้อยคำและพฤติการณ์ที่ปรากฏในที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 โดยมีการใช้คำพูดที่แสดงถึงการด้อยค่าเหยียดหยามกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่ลงคะแนนเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรี คามมติของพรรค โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ส.ว.ขายหมู” ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่เคารพต่อการใช้สิทธิและเสรีภาพของสมาชิกวุฒิสภาคนอื่น อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ และสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ รวมถึงเกียรติภูมิของวุฒิสภา ซึ่งการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ภายใต้ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ได้มีมติชี้ชัดว่านางนันทนามีความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และได้มีการกำหนดมาตรการลงโทษตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องของข้อบังคับดังกล่าว เพื่อรักษาระเบียบวินัยและจริยธรรมขององค์กรนิติบัญญัติให้คงอยู่
ประเด็นสำคัญจาก: วุฒิสภาลงดาบ! “สว.นันทนา” ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ด้อยค่า “สว.ขายหมู”
ประเด็นหลักในกรณีนี้เกิดขึ้นจากพฤติการณ์และคำพูดของนางนันทนา นิยมวิเศษ สมาชิกวุฒิสภา ในระหว่างการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการกล่าวหาหรือด้อยค่าสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนที่ลงคะแนนเสียงตามมติของพรรคการเมืองว่าเป็น “ส.ว.ขายหมู” คณะกรรมการจริยธรรมของวุฒิสภาได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ และสรุปว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับที่กำหนดไว้ การใช้ถ้อยคำที่สร้างความเสื่อมเสียเช่นนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเกียรติภูมิของบุคคลที่ถูกกล่าวถึง แต่ยังทำลายความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์โดยรวมของวุฒิสภาในฐานะองค์กรนิติบัญญัติ
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษามาตรฐานจริยธรรมในหมู่สมาชิกวุฒิสภา การกระทำของนางนันทนาถูกมองว่าเป็นการก้าวล่วงสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพในการลงคะแนนเสียงของสมาชิกวุฒิสภาคนอื่นๆ อันเป็นหลักการพื้นฐานของการทำงานในระบบรัฐสภา นอกจากนี้ ถ้อยคำที่ใช้ยังส่งผลต่อความเข้าใจผิดของประชาชนที่มีต่อการทำหน้าที่ของวุฒิสภา สร้างความคลางแคลงใจและอาจบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตย วุฒิสภาในฐานะองค์กรสูงสุดที่ทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายและถ่วงดุลอำนาจจึงจำเป็นต้องรักษากฎเกณฑ์และจริยธรรมของสมาชิกอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามครรลองที่เหมาะสม และเป็นที่พึ่งของประชาชน
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมของวุฒิสภาได้ดำเนินการอย่างรอบคอบภายใต้ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นกรอบการปฏิบัติงานที่สมาชิกทุกคนต้องยึดถือ โดยมีนายวันชัย สอนศิริ ประธานคณะกรรมการฯ เป็นผู้แถลงผล การมติลงโทษนางนันทนา นิยมวิเศษ สะท้อนให้เห็นว่าวุฒิสภามีความมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานทางจริยธรรมและธรรมาภิบาลในองค์กร การที่คณะกรรมการฯ มีมติว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่เคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นนั้นตอกย้ำถึงหลักการพื้นฐานของการทำงานร่วมกันในสภา คือการยอมรับความแตกต่างทางความคิดและการตัดสินใจของผู้เป็นสมาชิก โดยไม่ใช้ถ้อยคำหรือพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการดูถูกเหยียดหยาม หรือสร้างความแตกแยกภายในหมู่เพื่อนร่วมงาน
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาถึงผลกระทบในวงกว้างต่อสาธารณชน เนื่องจากคำพูดที่ใช้ในที่ประชุมวุฒิสภามักถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ การใช้คำว่า “ส.ว.ขายหมู” อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดและมองว่าสมาชิกวุฒิสภามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือมีการซื้อมูลค่าในการลงคะแนน ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของสภาในสายตาประชาชนอย่างมาก การลงโทษจึงไม่ได้เป็นเพียงการลงโทษบุคคล แต่เป็นการปกป้องเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของวุฒิสภาทั้งหมด การดำเนินการตามมาตรการลงโทษที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนั้น เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าการละเมิดจริยธรรมจะไม่ถูกเพิกเฉย และทุกการกระทำของสมาชิกจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของความเหมาะสมและความรับผิดชอบต่อสังคม
สรุปข่าวทั้งหมด
วุฒิสภาได้มีมติลงโทษนางนันทนา นิยมวิเศษ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีการใช้ถ้อยคำที่ด้อยค่าและเหยียดหยามเพื่อนสมาชิกวุฒิสภาด้วยถ้อยคำ “ส.ว.ขายหมู” ในที่ประชุม เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 การกระทำดังกล่าวถูกวินิจฉัยโดยคณะกรรมการจริยธรรมของวุฒิสภาว่าเป็นการไม่เคารพสิทธิและเสรีภาพในการลงคะแนนเสียงของสมาชิกคนอื่น และสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์และเกียรติภูมิของวุฒิสภา การลงโทษครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของวุฒิสภาในการธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานจริยธรรมและความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน และยังเป็นบทเรียนสำคัญให้กับสมาชิกวุฒิสภาทุกคนในการใช้ถ้อยคำและพฤติกรรมที่เหมาะสมในเวทีนิติบัญญัติ ทั้งนี้ ประชาชนและสื่อมวลชนจะเฝ้าติดตามผลการดำเนินการตามมาตรการลงโทษที่กำหนดต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าได้มีการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล.












