ภาพประกอบข่าว: กพช. เคาะ 7 วาระพลังงาน โซลาร์ชุมชน 1,500 MW ทุ่ม 3 หมื่นล้าน ดันเศรษฐกิจดิจิทัล
เครดิตภาพ: kanyanat_but

กพช. หรือคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบวาระสำคัญ 7 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานของประเทศ ทั้งการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในภาคชุมชน การปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงาน ตลอดจนการสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับภาคพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอนุมัติโครงการโซลาร์ชุมชนขนาดกำลังผลิตรวม 1,500 เมกะวัตต์ และการจัดสรรงบประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาทเพื่อผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดควบคู่ไปกับการยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้พลังงานและชีวิตประจำวันของประชาชนในระยะยาว

ประเด็นสำคัญจาก: กพช. เคาะ 7 วาระพลังงาน โซลาร์ชุมชน 1,500 MW ทุ่ม 3 หมื่นล้าน ดันเศรษฐกิจดิจิทัล

การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งล่าสุด ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการกำหนดทิศทางพลังงานของประเทศไทย โดยมีมติเห็นชอบในหลักการหลายประการที่ครอบคลุมทั้งมิติการผลิต การบริโภค และการลงทุนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือการส่งเสริมโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับภาคประชาชนและชุมชน ซึ่งมีเป้าหมายกำลังการผลิตรวม 1,500 เมกะวัตต์ โดยการดำเนินการนี้จะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนในระยะยาว และยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามพันธกรณีระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ กพช. ยังได้พิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับโรงไฟฟ้าและผู้ใช้ก๊าซฯ ภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและส่งเสริมการแข่งขันในระยะยาว การปรับโครงสร้างนี้จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถวางแผนการบริหารจัดการต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้ผลิตพลังงานในประเทศให้ปรับตัวเข้ากับกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม รายละเอียดและผลกระทบของการปรับโครงสร้างนี้ยังคงต้องรอการพิจารณาในระดับปฏิบัติการ ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกลุ่มผู้ผลิตก๊าซฯ กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

สำหรับโครงการโซลาร์ภาคประชาชนขนาด 1,500 เมกะวัตต์นั้น คาดว่าจะมีการแบ่งเป็นหลายเฟส โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนในการผลิตและใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยกระจายการลงทุนและผลประโยชน์สู่ระดับท้องถิ่น และยังเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้พลังงานสะอาด การดำเนินการดังกล่าวจะรวมถึงการสนับสนุนด้านเงินทุนและการอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าเข้ากับโครงข่ายหลัก เพื่อให้ครัวเรือนและชุมชนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองและจำหน่ายส่วนเกินคืนให้กับการไฟฟ้าได้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครัวเรือนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยการดำเนินโครงการจะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้และผลกระทบอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน

ในส่วนของการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล กพช. ได้อนุมัติงบประมาณสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการพลังงาน และการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคพลังงาน เช่น ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) การพัฒนาระบบ Big Data เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงาน และการส่งเสริมแพลตฟอร์มการซื้อขายไฟฟ้าแบบดิจิทัล การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบพลังงาน ลดการสูญเสีย และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลควบคู่ไปกับการพัฒนาพลังงาน สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่ต้องการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการบริหารจัดการทรัพยากร เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและยกระดับขีดความสามารถของประเทศในยุคปัจจุบัน

สรุปข่าวทั้งหมด

มติ กพช. ครั้งนี้ จึงนับเป็นนโยบายเชิงรุกที่สำคัญในการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์พลังงานของประเทศไทย โดยมีแก่นสารอยู่ที่การส่งเสริมพลังงานสะอาดผ่านโครงการโซลาร์ชุมชนขนาดใหญ่ถึง 1,500 เมกะวัตต์ พร้อมกับการอัดฉีดงบประมาณมหาศาลกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลควบคู่กันไป การดำเนินการเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ การกระจายรายได้ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวมด้วย การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มุ่งเน้นความเป็นธรรมและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรพลังงานของประเทศ ซึ่งคาดว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาพลังงานและเศรษฐกิจของไทยในระยะยาวต่อไป

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here