
‘ตรีนุช’ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกมาเน้นย้ำถึงนโยบายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับอาชีพไกด์และมัคคุเทศก์ในประเทศไทย โดยระบุอย่างชัดเจนว่า “อาชีพไกด์และมัคคุเทศก์นั้นมีไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น โดยชาวต่างชาติไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาประกอบอาชีพดังกล่าวภายในราชอาณาจักร” การเน้นย้ำครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการถกเถียงและข้อกังวลเกี่ยวกับการทำงานของชาวต่างชาติในภาคการท่องเที่ยวของไทย และเป็นการตอกย้ำถึงกฎหมายที่มีอยู่เดิมที่มุ่งสงวนอาชีพบางประเภทไว้สำหรับพลเมืองไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้หลัก การประกาศดังกล่าวมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่อาจพยายามเข้ามาทำงานในสายอาชีพนี้โดยไม่ถูกกฎหมาย รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ใช้บริการ ซึ่งต้องตระหนักถึงข้อบังคับนี้ในการเลือกใช้บริการมัคคุเทศก์
ประเด็นสำคัญจาก: ‘ตรีนุช’ ลั่น อาชีพไกด์-มัคคุเทศก์ มีไว้ให้คนไทยเท่านั้น ต่างชาติห้าม
ประเด็นหลักที่ ‘ตรีนุช’ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวถึง คือการยืนยันว่าอาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทยตามกฎหมาย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษามาตรฐานด้านภาษา วัฒนธรรม และข้อมูลอันถูกต้องแม่นยำในการนำเที่ยว รวมถึงเพื่อปกป้องอาชีพและรายได้ของคนไทยในภาคส่วนนี้ การเน้นย้ำนี้ไม่ได้เป็นการประกาศกฎหมายใหม่ แต่เป็นการย้ำเตือนถึงข้อบังคับที่มีอยู่แล้วภายใต้พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดคุณสมบัติและข้อปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคุณสมบัติเรื่องสัญชาติไทย เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ทำหน้าที่นี้มีความเข้าใจในบริบททางสังคม วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของไทยอย่างลึกซึ้ง
นอกจากนี้ ประเด็นนี้ยังสอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น การสงวนอาชีพมัคคุเทศก์ไว้สำหรับคนไทยเป็นการสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานในประเทศ และเป็นการป้องกันการไหลออกของรายได้ไปยังต่างชาติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ภาคการท่องเที่ยวต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว การบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างเคร่งครัดจึงเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย และรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในฐานะแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก นอกจากนี้ยังช่วยให้การบริการแก่นักท่องเที่ยวเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมได้
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าบุคคลที่จะประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ต้องมีสัญชาติไทย โดยต้องผ่านการอบรมและได้รับใบอนุญาตประกอบอาชีพมัคคุเทศก์จากนายทะเบียน บทบัญญัตินี้มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของผู้ให้บริการนำเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและบริการที่เป็นมืออาชีพ การมีมัคคุเทศก์ที่เป็นคนไทยยังช่วยให้การสื่อสารข้อมูลทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาติเป็นไปอย่างถูกต้องและลึกซึ้ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทย
การดำเนินการตามนโยบายนี้ยังรวมถึงการกวดขันดูแลการลักลอบทำงานของชาวต่างชาติในอาชีพมัคคุเทศก์ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและส่งผลกระทบต่ออาชีพของคนไทย การตรวจสอบและจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายนี้จึงเป็นสิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความชอบธรรมและปกป้องผลประโยชน์ของมัคคุเทศก์ไทย นอกจากนี้ การให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเกี่ยวกับการเลือกใช้บริการมัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาว และยังเป็นการลดปัญหาที่จะตามมาจากการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมโดยมัคคุเทศก์ที่ไม่มีใบอนุญาต
สรุปข่าวทั้งหมด
การยืนยันจาก ‘ตรีนุช’ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ว่าอาชีพไกด์และมัคคุเทศก์มีไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องอาชีพและผลประโยชน์ของพลเมืองในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ การเน้นย้ำถึงข้อบังคับตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำกฎหมายที่มีอยู่เดิม แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงการดำเนินการที่เข้มงวดมากขึ้นในการป้องกันการเข้ามาทำงานของชาวต่างชาติในอาชีพที่สงวนไว้ การดำเนินการนี้จะส่งผลดีต่อตลาดแรงงานด้านการท่องเที่ยวของไทย สร้างความมั่นใจในคุณภาพการบริการ และรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่รออยู่คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการลักลอบทำงานและส่งเสริมการรับรู้ของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป.












