
ธรรมนัส รมว.พลังงาน ได้ทำการประกาศนโยบายการใช้น้ำมันดีเซล B7 เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์การผลิตน้ำมันปาล์มที่คาดการณ์ว่าจะมีมากเกินความต้องการในปี 2569 โดยนโยบายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพ และช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมันทั่วประเทศ ทั้งนี้การดำเนินการจะเริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปี 2569 เป็นต้นไป เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ประเด็นสำคัญจาก: ” ธรรมนัส ” เคาะใช้ดีเซลบี 7 รับผลผลิตล้นปี 69 รักษาราคาปาล์ม อุ้มเกษตรกรไทย
การตัดสินใจใช้ดีเซล B7 มาจากการศึกษาและวิเคราะห์โดยคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างสมดุลในการบริหารจัดการปริมาณน้ำมันปาล์ม อีกทั้งช่วยลดแรงกดดันด้านราคาในตลาดโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ซึ่งแนวทางนี้ยังจะสามารถช่วยลดต้นทุนพลังงานในประเทศได้อีกด้วย การกำหนดใช้ดีเซล B7 เป็นการผสมผสานระหว่างน้ำมันดีเซลและน้ำมันปาล์มที่ผ่านการกลั่น เป็นผลให้เพิ่มปริมาณการใช้ภายในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
ในมุมมองของผู้ประกอบการ การปรับเพิ่มการใช้ดีเซล B7 โอกาสที่จะส่งเสริมให้มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณค่าแก่สินค้าเกษตรและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้เตรียมการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงแนวทางการใช้พลังงานทางเลือกที่มีศักยภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
การเคลื่อนไหวดังกล่าวยังสอดคล้องกับความตั้งใจของรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน รมว.พลังงานยังได้กล่าวว่ามาตรการเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ระยะยาวของประเทศที่มุ่งหน้าสู่การใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการส่งเสริมวิจัยในด้านผลักดันการใช้วัตถุดิบภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จากการคาดการณ์ของกระทรวงเกษตรกร ภาครัฐจะต้องเตรียมพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนทางด้านวิศวกรรม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องจะสามารถปรับตัวและเตรียมความพร้อมในด้านปริมาณสินค้า คุณภาพ และการจัดการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
สรุปข่าวทั้งหมด
สรุปได้ว่าการประกาศนโยบายของ รมว.พลังงาน ในการใช้ดีเซล B7 เป็นนโยบายสำคัญที่มีเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพของราคาปาล์มน้ำมันและสนับสนุนเกษตรกร โดยมุ่งหวังว่าจะไม่เพียงลดแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังเป็นการผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว สำหรับอนาคต คงต้องจับตาดูว่าการดำเนินการตามแนวทางนี้จะส่งผลโดยตรงอย่างไรต่อเศรษฐกิจฐานรากและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในประเทศไทย












