
กกต.แจง อดีตพนักงานรับโอนเงินคดีฮั๊ว สว. ไม่เกี่ยวคณะสืบสวน โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาชี้แจงกรณีมีข้าราชการผู้หนึ่งของสำนักงานฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนกรณีรับเงินในการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ กกต.ได้ย้ำชัดว่าเหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้งแต่อย่างใด และขั้นตอนการสอบสวนดำเนินการโดยคณะกรรมการอื่นที่มีความเป็นกลางต่อคดีดังกล่าว
ประเด็นสำคัญจาก: กกต.แจงอดีตพนักงานรับโอนเงินคดีฮั๊ว สว. ไม่เกี่ยวคณะสืบสวนฯ
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางหลังจากมีข่าวเผยแพร่ว่าหนึ่งในอดีตข้าราชการของสำนักงานถูกสอบสวนในกรณีเกี่ยวกับการรับเงินจากการสอบสวนคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งกกต.รีบออกมาแถลงชี้แจงโดยทันทีว่า การกระทำของบุคคลดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้งนี้เป็นการกระทำส่วนตัวของอดีตข้าราชการคนนั้น
ทางกกต.เน้นย้ำว่าบทบาทและหน้าที่ของตนคือการรักษาความเป็นกลางในการดำเนินงานทุกขั้นตอนของการเลือกตั้ง รวมถึงการคัดเลือกและแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา การกระทำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือการรับสินบนถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมและไม่เป็นที่ยอมรับในหน่วยงานนี้ซึ่งต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใส
การสอบสวนกรณีดังกล่าวจึงถูกจัดการโดยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเป็นพิเศษซึ่งมีความเป็นกลางในการพิจารณา และจะไม่กระทบต่อภาพรวมความเชื่อถือขององค์กรตามที่หลายฝ่ายกังวล
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้จัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมการทุจริตของอดีตข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมการดังกล่าวจะมีหน้าที่ในการรวบรวมหลักฐานและทำการสรุปผลการสืบสวนเพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและความเป็นธรรม ผู้บริหารกกต.ได้กล่าวว่าการสอบสวนได้ดำเนินไปตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกันองค์กรได้ย้ำถึงนโยบายหลักในการต่อสู้กับการทุจริตในทุกภาคส่วนขององค์กร โดยการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจให้แก่พนักงานทุกระดับเกี่ยวกับจริยธรรมและกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้กกต.เตรียมการพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต
สรุปข่าวทั้งหมด
สรุปได้ว่า การสอบสวนเกี่ยวกับอดีตข้าราชการกกต.ที่ถูกกล่าวหาว่ารับเงินในคดีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภานั้น ได้รับการดูแลอย่างเป็นกลางโดยคณะกรรมการอิสระ การกระทำของบุคคลดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานและภาพลักษณ์ของกกต. ทั้งนี้กกต.ได้ยืนยันถึงความโปร่งใสและการปฏิบัติที่ไม่ยอมรับการทุจริตภายในองค์กร สิ่งที่ควรติดตามต่อคือผลสรุปของการสอบสวนว่ามีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ ความโปร่งใสในการจัดการเรื่องเหล่านี้จะยืนยันถึงความตั้งใจจริงในการรักษามาตรฐานและจริยธรรมของกกต.ต่อไป











