ภาพประกอบข่าว: เกาะติดนโยบาย
เครดิตภาพ: https://www.pptvhd36.com

เกาะติดนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ที่ภาครัฐได้ริเริ่มขึ้นเพื่อขับเคลื่อนและ “ยกเครื่องอุตสาหกรรมสู่อนาคต!” ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการปรับปรุงและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยในระดับสากล นโยบายนี้มุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่เรื้อรัง การสร้างโอกาสใหม่ๆ และการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรองรับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับยุคดิจิทัลและนวัตกรรม โดยมุ่งหมายให้ภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน สร้างงาน สร้างรายได้ และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

ประเด็นสำคัญจาก: เกาะติดนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ยกเครื่องอุตสาหกรรมสู่อนาคต!

นโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ประกอบด้วยหลักการสำคัญที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาอุปสรรคที่มีอยู่เดิม (ฝ่า) การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างโอกาสใหม่ๆ (ฟัน) การดึงดูดการลงทุนและเทคโนโลยีจากภายนอก (ดึง) และการผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนาขีดความสามารถภายในประเทศ (ดัน) โดยมีเป้าหมายหลักในการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด ดิจิทัล และอุตสาหกรรมชีวภาพ

การดำเนินการตามนโยบายนี้จะครอบคลุมหลายมิติ ตั้งแต่การปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและนวัตกรรม การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่สอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต พร้อมทั้งการจัดตั้งกลไกการประสานงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง การบูรณาการข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ ยังมีการเน้นย้ำถึงบทบาทของภาคเอกชนในการเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย โดยภาครัฐจะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวก เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถลงทุนและพัฒนานวัตกรรมได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของนโยบายนี้ การวางแผนระยะยาวที่ชัดเจนและต่อเนื่องจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุนในการตัดสินใจลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลงทุนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีขั้นสูงและอุตสาหกรรมเป้าหมาย

รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น

หนึ่งในรายละเอียดสำคัญของการ “ฝ่า” อุปสรรค คือการทบทวนและปรับปรุงกฎหมาย รวมถึงระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจและการลงทุนในปัจจุบัน อาทิ การลดขั้นตอนการขออนุญาตต่างๆ การอำนวยความสะดวกในการนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการดำเนินงานของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ยังรวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ระบบสาธารณูปโภค การคมนาคม และโครงข่ายดิจิทัล เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การแก้ไขปัญหาคอขวดที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมจะช่วยปลดล็อกศักยภาพที่ไม่เคยถูกดึงออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และทำให้การลงทุนจากต่างชาติเป็นไปได้ง่ายขึ้น

ในส่วนของการ “ฟัน” หรือการสร้างโอกาสใหม่ๆ นโยบายจะเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายในการเป็นฐานการผลิต EV ที่สำคัญของภูมิภาค การสนับสนุนจะครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ การผลิตชิ้นส่วน ไปจนถึงการสร้างสถานีชาร์จ การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในกระบวนการผลิต และการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมุ่งหวังให้เกิดการสร้างงานที่มีคุณภาพและเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน การสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

สำหรับการ “ดึง” ดูดการลงทุน นโยบายนี้จะใช้มาตรการทางภาษีและไม่ใช่ภาษีเพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและสร้างมูลค่าเพิ่มสูง เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การจัดหาที่ดินเพื่อการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม และการอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและแรงงาน การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นในระดับภูมิภาค

และสุดท้าย การ “ดัน” หรือการผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนาขีดความสามารถภายในประเทศ จะเน้นการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ในมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา (Triple Helix) เพื่อแปลงผลงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ การพัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ผ่านการฝึกอบรมและพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ โดยเฉพาะในสาขา STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) และการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว การส่งเสริมการสร้างสตาร์ทอัพและการระดมทุนสำหรับนวัตกรก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สรุปข่าวทั้งหมด

นโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ภาครัฐใช้ในการ “ยกเครื่องอุตสาหกรรมสู่อนาคต!” โดยมุ่งหวังที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศจากอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี มีการแก้ปัญหาอุปสรรคเดิม สนับสนุนการลงทุนใหม่ ดึงดูดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และส่งเสริมนวัตกรรมภายในประเทศอย่างครบวงจร เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ทันสมัยและเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาคต่อไป การดำเนินการตามนโยบายนี้จะต้องอาศัยความร่วมมือและบูรณาการจากทุกภาคส่วน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว การติดตามผลและการปรับเปลี่ยนแผนงานให้มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้แผนยุทธศาสตร์นี้ประสบความสำเร็จได้

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here