
เอกชนเสียงแข็ง ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำแผนสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ก่อนที่จะมีการยุบสภา โดยให้เหตุผลว่าภาคเอกชนมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตที่ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน การที่รัฐบาลจะยุบสภาโดยไม่มีแผนรองรับที่ชัดเจน อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงประชาชนทั่วไป ส่งผลให้การลงทุนหยุดชะงัก การบริโภคลดลง และเศรษฐกิจโดยรวมมีความเสี่ยงที่จะซบเซามากยิ่งขึ้น การมีแผนที่ชัดเจนจะเป็นหลักประกันว่าแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่ทิศทางเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ และยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ประเด็นสำคัญจาก: เอกชนเสียงแข็ง จี้รัฐต้องมีแผนสร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ ก่อนยุบสภา
ประเด็นหลักที่ภาคเอกชนให้ความสำคัญคือการเรียกร้องให้รัฐบาลปัจจุบันแสดงวิสัยทัศน์และแผนงานที่ครอบคลุม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองสำคัญอย่างการยุบสภา การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายหลังการเลือกตั้งอาจใช้เวลาพอสมควร ซึ่งในช่วงสุญญากาศทางการเมืองนี้ อาจส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ภาคเอกชนจึงต้องการเห็นความต่อเนื่องและความชัดเจนในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารจัดการงบประมาณ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ผู้ประกอบการและนักลงทุนมองว่า แผนสร้างความเชื่อมั่นดังกล่าวควรรวมถึงมาตรการระยะสั้นในการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น และปัญหาหนี้ครัวเรือน ไปจนถึงแผนระยะยาวสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน การไม่มีแผนที่ชัดเจนอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลในตลาดเงินและตลาดทุน ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนและการบริโภค ซึ่งจะฉุดรั้งการเติบโตของประเทศได้ ภาคเอกชนเชื่อว่าหากรัฐบาลสามารถนำเสนอแผนที่จับต้องได้และมีกลไกการขับเคลื่อนที่ต่อเนื่อง จะช่วยลดความผันผวนและสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการดำเนินธุรกิจในทุกระดับ
นอกจากนี้ การสื่อสารแผนงานอย่างโปร่งใสและสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้แผนที่ออกมานั้นเกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การฟื้นตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน และจะเป็นการวางรากฐานที่ดีสำหรับการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาในอนาคต ทำให้แม้มีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เศรษฐกิจของประเทศก็จะไม่สะดุด
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
คำเรียกร้องของภาคเอกชนสะท้อนถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และการส่งเสริมการส่งออก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้เข้าประเทศ การลงทุนจากภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ก็เป็นอีกส่วนที่ภาคเอกชนต้องการความมั่นใจว่าจะไม่มีการหยุดชะงักหรือถูกยกเลิกไปหลังจากการยุบสภา เพื่อให้เอกชนที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนการลงทุนและดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในข้อเรียกร้องที่สำคัญคือการมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพื่อให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงาน การลดต้นทุนผู้ประกอบการ และการสนับสนุน SMEs ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย การจัดทำแผนฉุกเฉินหรือแผนสำรองสำหรับสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนก็เป็นอีกหนึ่งข้อเสนอ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และสร้างความมั่นใจว่าการดำเนินงานทางเศรษฐกิจจะยังคงมีเสถียรภาพ
ในแง่ของการลงทุน ภาคเอกชนคาดหวังว่ารัฐบาลจะสามารถรักษาบรรยากาศการลงทุนที่ดี และมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การลดอุปสรรคทางการค้า และการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว การระบุนโยบายและแผนการที่ชัดเจนในประเด็นเหล่านี้ก่อนการยุบสภา จะเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดและช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่
สรุปข่าวทั้งหมด
ภาคเอกชนได้แสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวในการเรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำแผนสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนและครอบคลุมก่อนการยุบสภา เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ข้อเรียกร้องนี้สะท้อนความกังวลของนักลงทุนและผู้ประกอบการต่อทิศทางเศรษฐกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากสุญญากาศทางการเมือง ภาคเอกชนต้องการเห็นแผนงานที่ต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารจัดการงบประมาณ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ไขปัญหาปากท้อง และการส่งเสริมการลงทุน การสื่อสารที่โปร่งใสและแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น และรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นก็ตาม












