
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำตัวแทนจาก 15 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ ณ ห้องประชุมอรรถไกวัลวที อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย การลงนามครั้งนี้ถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการยกระดับมาตรการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนในวงกว้างและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การผนึกกำลังครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการข้อมูล แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพในการต่อสู้กับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้นในปัจจุบัน เพื่อปกป้องทรัพย์สินและความปลอดภัยของประชาชนจากกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ประเด็นสำคัญจาก: “อนุทิน” นำ 15 หน่วยงานลงนามเอ็มโอยูประกาศสงครามสแกมเมอร์!
การลงนาม MOU ครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่มิจฉาชีพแอบอ้างสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ สถาบันการเงิน หรือองค์กรต่างๆ เพื่อหลอกลวงประชาชน การดำเนินการดังกล่าวเป็นการตอบรับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง การรวมพลังของ 15 หน่วยงานแสดงให้เห็นถึงความตระหนักร่วมกันถึงความจำเป็นในการสร้างเครือข่ายความร่วมมืออย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับกลไกการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการป้องกันภัยดังกล่าว
หน่วยงานที่เข้าร่วมลงนามใน MOU ประกอบด้วยหลายภาคส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์โดยตรง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.), สมาคมธนาคารไทย, สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ประกอบการโทรทัศน์ และสมาคมธุรกิจหลักทรัพย์ไทย การผนึกกำลังนี้จะครอบคลุมตั้งแต่การแลกเปลี่ยนข้อมูล การวิเคราะห์พฤติกรรมมิจฉาชีพ การพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัย การสกัดกั้นการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิด เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างครบวงจร
การลงนามในครั้งนี้จึงมิใช่เพียงพิธีการ แต่เป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและบูรณาการ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมในการลดความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญระดับชาติที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การดำเนินการตาม MOU จะเป็นต้นแบบของการบูรณาการภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาสาธารณะที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว.
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
ความร่วมมือภายใต้ MOU นี้จะมุ่งเน้นไปที่การยกระดับมาตรการในหลายมิติ เริ่มต้นจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวกรองเกี่ยวกับรูปแบบการหลอกลวงและบัญชีม้าที่กลุ่มมิจฉาชีพใช้ในการก่อเหตุ โดยจะมีการจัดตั้งช่องทางการสื่อสารและฐานข้อมูลร่วมกัน เพื่อให้แต่ละหน่วยงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้การวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์เป็นไปอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังมีการวางแผนที่จะพัฒนาระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยรูปแบบใหม่ๆ ที่สามารถแจ้งเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงภัยคุกคามก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อ การดำเนินการเชิงรุกเช่นนี้จะช่วยให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันและสามารถป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวงได้ดีขึ้น
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพ โดยจะมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างธนาคาร สถาบันการเงิน และสำนักงาน ปปง. เพื่อติดตาม แกะรอย และอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้อย่างรวดเร็วทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ เพื่อลดความเสียหายที่ประชาชนได้รับให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมทั้งมีการผลักดันให้มีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการพัฒนากฎหมายและระเบียบข้อบังคับให้ทันสมัยและครอบคลุมพฤติการณ์ของมิจฉาชีพที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังมีการให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้และให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับกลโกงใหม่ๆ ของมิจฉาชีพ เพื่อให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย และสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการแจ้งเบาะแสเพื่อร่วมปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ได้อย่างมีส่วนร่วมอีกด้วย
สรุปข่าวทั้งหมด
การลงนาม MOU โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล และ 15 หน่วยงานในครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศ “สงครามสแกมเมอร์” อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ที่กำลังสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสังคมไทย ความร่วมมือดังกล่าวจะเน้นการบูรณาการข้อมูล การพัฒนามาตรการเชิงรุกในการแจ้งเตือนภัย และการเร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายเพื่อสกัดกั้นเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพ การผนึกกำลังจากทั้งภาครัฐและเอกชนนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยคาดหวังว่าประชาชนจะได้รับความคุ้มครองที่มากขึ้น และความเสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต การดำเนินการตาม MOU นี้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในพื้นที่ไซเบอร์ให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจและภูมิคุ้มกันให้กับสังคมในระยะยาว.












