“ไผ่ ลิกค์” ส.ส. กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่าพรรคประชาชาติ (ปชน.) มีการแต่งตั้งนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายหนึ่งให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ซึ่งถือเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลและข้อสงสัยเกี่ยวกับความเหมาะสมและคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ช่วย สส. ที่จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการนิติบัญญัติและการเมืองเป็นอย่างดี การเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้จึงนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและมาตรฐานการแต่งตั้งผู้ช่วย สส. เพื่อความโปร่งใสและธรรมาภิบาล
ประเด็นสำคัญจาก: “ไผ่ ลิกค์” แฉพรรค ปชน. นำเด็ก ม.6 เป็นผู้ช่วย สส. – แย้มตรวจสอบ ผู้ช่วย สส. คนที่ 5
ประเด็นที่ นายไผ่ ลิกค์ ได้เปิดเผยออกมานั้น มุ่งเน้นไปที่การตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการแต่งตั้งบุคคลที่ยังอยู่ในวัยเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะและยังอยู่ในช่วงของการศึกษาในระดับพื้นฐาน ให้มาดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วย สส. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่สำคัญในการสนับสนุนการทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเป็นผู้ช่วย สส. นั้น ต้องทำงานเกี่ยวกับกฎหมาย การเมือง และเป็นตัวแทนของประชาชนในระดับหนึ่ง การขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและการเป็นตัวแทนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้
นอกจากนี้ นายไผ่ ลิกค์ ยังได้กล่าวในทำนองว่า ประเด็นดังกล่าวคล้ายคลึงกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้มีการแต่งตั้งผู้ช่วย สส. ที่มีอายุน้อยเช่นกัน แต่ในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ผู้ช่วย สส. คนดังกล่าวกำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา และได้มีการลาออกจากตำแหน่งไปแล้วหลังจากถูกตรวจสอบ ประเด็นนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพิจารณาคุณสมบัติและวุฒิภาวะของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย สส. อย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลเหล่านั้นมีความพร้อมทั้งในด้านความรู้ ความเข้าใจ และความรับผิดชอบที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
นายไผ่ ลิกค์ ไม่เพียงแต่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งตั้งนักเรียน ม.6 เป็นผู้ช่วย สส. ของพรรคประชาชาติเท่านั้น แต่ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กำลังจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบตำแหน่งผู้ช่วย สส. รายที่ 5 ของพรรค ปชน. ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า อาจมีประเด็นปัญหาหรือข้อสงสัยที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นอีก การดำเนินการตรวจสอบเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะรักษามาตรฐานและธรรมาภิบาลในการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร และเพื่อให้แน่ใจว่าการแต่งตั้งบุคลากรทุกตำแหน่งเป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ และมีความเหมาะสมตามสมควรแก่สถานภาพทางสังคมและวุฒิภาวะ ตำแหน่งผู้ช่วย สส. มีความสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนงานในสภาฯ และการดูแลทุกข์สุขของประชาชน ดังนั้นผู้ที่ดำรงตำแหน่งต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม
การตรวจสอบผู้ช่วย สส. รายที่ 5 นี้ อาจขยายผลไปสู่การพิจารณาถึงโครงสร้างการแต่งตั้งและคุณสมบัติโดยรวมของตำแหน่งผู้ช่วย สส. ทั่วไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันซ้ำอีกในอนาคต ซึ่งรวมถึงการกำหนดเกณฑ์อายุ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการดำรงตำแหน่งนี้อย่างชัดเจน เนื่องจากการทำงานในตำแหน่งผู้ช่วย สส. นั้น ต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมถึงต้องมีความเข้าใจในประเด็นทางสังคมและเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ดังนั้นการมีบุคคลที่ยังอยู่ในวัยเรียนหรือขาดประสบการณ์ที่จำเป็น อาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพได้ การเปิดประเด็นนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทบทวนและปรับปรุงกระบวนการแต่งตั้งบุคลากรในตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน
สรุปข่าวทั้งหมด
การเปิดเผยข้อมูลของนายไผ่ ลิกค์ กรณีที่พรรคประชาชาติแต่งตั้งนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นผู้ช่วย สส. และการที่จะมีการตรวจสอบผู้ช่วย สส. รายที่ 5 ของพรรคเดียวกันนี้ ได้จุดประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับความเหมาะสม คุณสมบัติ และมาตรฐานการแต่งตั้งบุคลากรในตำแหน่งผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างจริงจัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการพิจารณาถึงวุฒิภาวะ ความรู้ ความเข้าใจในงานการเมือง รวมถึงความรับผิดชอบของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ เพื่อให้การทำงานในสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน การตรวจสอบที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการรักษาธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในกระบวนการทางการเมือง และอาจนำไปสู่การทบทวนระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ช่วย สส. เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการทำงานในสภาต่อไป
