
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นการที่ทหารกัมพูชาไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับคณะผู้แทนไทยในคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ของที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ครั้งที่ 34 โดยคุณอนุทินขอให้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “ขัดขวาง” เพื่ออธิบายสถานการณ์ดังกล่าว โดยชี้ว่าอาจมีเหตุผลส่วนตัวหรือเหตุผลทางเทคนิคที่ทำให้ทหารกัมพูชาไม่สามารถเข้าร่วมได้ในขณะนั้น การที่ทหารกัมพูชาไม่ปรากฏตัวในกิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการประชุมสำคัญระดับภูมิภาคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศเป็นประธานร่วม ซึ่งเป็นเวทีสำหรับการหารือและกระชับความสัมพันธ์ทางด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน ความเคลื่อนไหวนี้จึงเป็นที่จับตาของสาธารณะและสื่อมวลชนเป็นอย่างมากถึงผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ
ประเด็นสำคัญจาก: “อนุทิน” ขออย่าเพิ่งใช้คำว่า “ขัดขวาง” ปมทหารกัมพูชาไม่ร่วมมือ TMAC
ประเด็นใหญ่ที่เกิดขึ้นคือการที่คณะผู้แทนจากกัมพูชา ซึ่งประกอบด้วยทหารบก กองทัพไทย นำโดยพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้แทน GBC ฝ่ายไทย และกำลังพลบางส่วน ได้เดินทางไปยังพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นที่ตั้งของช่องทางเข้า-ออก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจพื้นที่ชายแดน ทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม และประสานงานความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เกิดความกังวลคือการที่คณะผู้แทนจากกัมพูชาไม่ได้มาร่วมทำกิจกรรมด้วยตามที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ในกรอบของ General Border Committee (GBC) ครั้งที่ 34 การขาดหายไปของฝ่ายกัมพูชาทำให้เกิดคำถามและข้อสังเกตเกี่ยวกับระดับความร่วมมือและทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในประเด็นชายแดน
การประชุม GBC ครั้งที่ 34 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ ได้แก่ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย และ พลเอก เตีย เซย์ฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา เป็นประธานร่วม มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารและความมั่นคงระหว่างประเทศ การไม่เข้าร่วมกิจกรรม RBC ของฝ่ายกัมพูชาจึงเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของการประชุมโดยรวม ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามแนวชายแดนร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการปราบปรามยาเสพติดและการส่งเสริมการค้าชายแดนที่ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากทั้งสองฝ่าย การไม่ปรากฏตัวของทหารกัมพูชาในกิจกรรมภาคสนามจึงเป็นเรื่องที่ต้องมีการชี้แจงและทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์และความร่วมมือในอนาคตต้องหยุดชะงัก หรือเกิดความเข้าใจผิด
รายละเอียดต่อยอดจากประเด็นข้างต้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนไม่แน่ใจในรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุที่ทหารกัมพูชาไม่มาเข้าร่วมกิจกรรม หรือข้อตกลงในการเข้าร่วมนั้นมีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการที่ประเทศไทยและกัมพูชายังคงมีการประชุมในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเวทีที่ทั้งสองประเทศได้พูดคุยหารือกันอย่างตรงไปตรงมา การที่ผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศยังคงมีการติดต่อและพบปะกัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์ โดยนายอนุทินย้ำว่า “เราอย่าเพิ่งใช้คำว่าขัดขวาง” เพราะอาจทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงและเกิดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นขึ้นได้ การใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมและไม่สร้างความเข้าใจผิดเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้
รองนายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสังเกตว่า หากมองในแง่บวก การไม่เข้าร่วมกิจกรรมในเวลานั้นอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาทางเทคนิค การสื่อสารที่ผิดพลาด หรือมีภารกิจอื่นที่สำคัญกว่าในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คุณอนุทินได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างและรักษามิตรภาพระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกับกัมพูชา ซึ่งมีความสัมพันธ์และพรมแดนติดกันมาอย่างยาวนาน โดยควรให้ความสำคัญกับการพูดคุยและแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี รวมถึงการเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงและทำความเข้าใจกันก่อนที่จะด่วนสรุปสถานการณ์ การมีทัศนคติเชิงสร้างสรรค์และการหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ตึงเครียด จะช่วยรักษาบรรยากาศความร่วมมือที่ดีและส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาว สิ่งนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายการต่างประเทศของตนเองและรัฐบาลที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงและมิตรภาพในภูมิภาค ตลอดจนการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม
สรุปข่าวทั้งหมด
กรณีที่ทหารกัมพูชาไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับคณะผู้แทนไทยในคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระหว่างการประชุม GBC ครั้งที่ 34 นับเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญคือการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาขอให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “ขัดขวาง” เพื่ออธิบายสถานการณ์นี้ โดยเน้นย้ำว่าอาจมีเหตุผลหลายประการที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนดังกล่าว และการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศยังคงดำเนินต่อไป ถือเป็นสัญญาณที่ดีของความร่วมมือ การรักษาบรรยากาศความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การทำความเข้าใจและใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความมั่นคงและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านต่อไปในอนาคต
		
			











